เที่ยว หัวหิน อย่างมีศิลปะ
เที่ยว หัวหิน อย่างมีศิลปะ (คู่หูเดินทาง)
หัวหิน เป็นอำเภอหนึ่งใน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นสถานที่พักตากอากาศ ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เพราะการเดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลมากจากกรุงเทพฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว มีพร้อม ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้เมืองหัวหิน อยู่ภายในใจนักท่องเที่ยวเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยว ก็มีมากมายหลากหลายรูปแบบ จะขี่ม้าเที่ยวริมชายหาด ไปกราบสักการะหลวงปู่ทวดที่วัดห้วยมงคล เล่นไคร์เซิร์ป ตีกอล์ฟ ช้อปปิ้งมีหมด แต่วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านเที่ยวหัวหินในอีกมุมมองหนึ่งนั่นคือ "ศิลปะ"
ศิลปะแรกที่เราจะพาคุณผู้อ่านไปพบก็คือ ศิลปะทางสถาปัตยกรรม "สถานีรถไฟหัวหิน" ใครไปใครมาเป็นไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน แน่นอนว่าเรามาถึงหัวหินแล้ว! เป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของประเทศไทย ตัวอาคารเป็นแบบครึ่งตึกครึ่งไม้เป็นสถาปัตยกรรมแบบวิคทอเรีย มีความละเอียดอ่อนงดงามด้วยลวดลายไม้ฉลุ ไม้ค้ำยัน และสีสันที่สวยงามของตัวอาคาร โดยเฉพาะ "พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ" ซึ่งเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะเวียนกันมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย
พลับพลามงกุฏเกล้าฯ เป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เดิมมีชื่อว่า พลับพลาสนามจันทร์ ตั้งอยู่บริเวณสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พลับพลาแห่งนี้มีไว้ในการที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่า และลูกเสือทั่วประเทศทำการฝึกซ้อมยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี หลังจากพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้ทำการรื้อถอนมาเก็บไว้ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ต่อมาในปี พ.ศ.2511 สมัยพันเอกแสง จุลจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟฯ ได้พิจารณาเห็นว่า ควรนำเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้างของ พลับพลาสนามจันทร์ มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่ หัวหิน เพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ช่างฝีมือคนไทยทั้งหมด และได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลา และตั้งชื่อใหม่ว่า พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ
เมื่อมองข้ามทางรถไฟไปยังฝั่งตรงข้ามเราก็จะได้พบกับ "หัวรถจักรไอน้ำเก่า" สีดำที่การรถไฟสั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งหัวรถจักรนี้เคยวิ่งให้บริการ ในเส้นทางรถไฟไทยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ในปัจจุบันสถานีรถไฟหัวหินยังคงเปิดให้บริการได้ตามปกติ
ศิลปะที่สองคือ ศิลปะทางธรรมชาติ "ชายหาดหัวหิน" หาดทรายขาว น้ำทะเลใส ลมพัดเย็นสบาย อากาศที่บริสุทธิ์ และท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง พร้อมกับกิจกรรมชายหาดมากมาย จะเล่นน้ำ อาบแดด นอนอ่านหนังสือ เรียกได้ว่าทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างสบายอารมณ์กันเลยทีเดียว
โดยเฉพาะกิจกรรมหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการมาถึงชายหาดหัวหินแล้ว ก็คือ ขี่ม้า โดยจะมีคนจูงม้าให้ไม่อันตราย คิดค่าใช้จ่ายชั่วโมงละ 800 บาท หรือจะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับเจ้าม้าเหล่านี้ก็ได้สนนราคาอยู่ที่ 50 บาท คิดเสียว่าเป็นการช่วยอุดหนุนธุรกิจท้องถิ่นของชาวบ้านที่นี่เค้า
ศิลปะที่สามคือ ศิลปะวนาสถาน ณ "หมู่บ้านศิลปินหัวหิน" ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ อาจารย์ทวี เกศางาม ซึ่งเป็นสตูดิโอ-แกลเลอรี่ศิลปะในป่าหัวหินฝั่งตะวันตก เน้นบรรยากาศที่เป็นกันเอง ผ่อนคลาย มีต้นไม้ปกคลุมให้พอร่มเย็น เสริมสร้างความสุขสำหรับผู้ที่เข้าเยี่ยมชม ปัจจุบันมีศิลปินในกลุ่มร่วม 19 ชีวิต ปฎิบัติงานสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบเฉพาะตัวของแต่ละคน โดยมีสตูดิโอของแต่ละศิลปินปลูกสร้างอย่างเรียบง่าย แฝงตัวในเนื้อที่รวม 9 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน คือ...
หอศิลป์แสดงผลงานศิลปะ จัดแสดงผลงานชั้นครูที่หาชมได้ยากยิ่ง และศิลปะร่วมสมัยของศิลปินชาติไทยในปัจจุบัน ในส่วนนี้ห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด
ที่พำนักและสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ของศิลปินกลุ่มเมืองหัวหินจำนวน 8 ครอบครัว กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ สามารถชมผลงานการวาดภาพกันแบบสด ๆ ขั้นตอนการวาด การลงสี แต่ต้องอยู่ในความสงบไม่งั้นศิลปินอาจจะเสียสมาธิได้
บ้านดิน 2 หลัง อยู่ทางด้านซ้ายมือของลานจอดรถ จัดแสดงผลงานดินเผาโดยนายดีและแม่องุ่น มีทั้งรูปปั้นพระและเด็ก สร้างสรรค์ไว้อย่างสวยงาม
บ้านวาดเขียน เวิร์คช้อปสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อสร้างสุขอย่างอิสระ เหมาะสำหรับคุณผู้อ่านที่อยากเรียนรู้งานศิลปะแต่ไม่ค่อยมีเวลา อาทิ วาดรูปสบายใจ เพ้นท์ตุ๊กตาผ้าฝ้าย เรียงร้อยธัญพืช เป็นต้น ด้วยวิธีการเรียนการสอนแบบง่าย ๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงคุณก็จะสามารถมีภาพวาดของระลึกที่เป็นผลงานของคุณเอง จะดีกว่าไหมถ้าของที่ระลึกจากการท่องเที่ยวเป็นผลงานของคุณ!
ศิลปินกลุ่มนี้ได้รังสรรค์ผลงานออกสู่สาธารณะชนอย่างสม่ำเสมอ จนเป็นที่รู้จักกันดีในนาม กลุ่มศิลปินหัวหิน (HUAHIN ARTIST GROUP) และด้วยหอศิลป์แสดงผลงานศิลปะของบ้านศิลปินหัวหิน เป็นศูนย์รวมศิลปกรรมระดับประเทศ มีความหลากหลายในด้านรูปแบบทางศิลปกรรม มีคุณค่าหาชมได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน จัดนิทรรศการแสดงผลงานและกิจกรรม ทางศิลปะของเหล่าศิลปินระดับประเทศ ดังนั้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงประกาศยกฐานะ "หมู่บ้านศิลปินหัวหิน" เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านศิลปวัฒนธรรมประจำจังหวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ หมู่บ้านศิลปินหัวหิน อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางหัวหิน-บายพาส ไปทางน้ำตกป่าละอูก่อนถึงวัดห้วยมงคล เลขที่ 81 หมู่ 14 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110 เปิดให้บริการ วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 032-534830, 087-167-3895 หรือ http://www.baansillapinhuahin.com/, http://www.huahinartistvillage.com/
ศิลปะสุดท้ายที่จะแนะนำนั่นคือตลาดนัดศิลปะ "ตลาดจั่กจั่น" (CICADA MARKET) เป็นแหล่งรวบรวมชิ้นงานศิลปะร่วมสมัยแขนงต่าง ๆ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ งานแฮนด์เมด ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้มือสอง สินค้าเอสเอ็มอีที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ เพื่อนำมาแสดงและจำหน่ายในสไตล์เปิดเสื่อ สถานที่ตกแต่งสวยงาม เป็นสวนกว้าง ใช้สีขาวเป็นหลักในการตกแต่ง มีมุมนั่งเล่นและรับประทานอาหาร พร้อมทั้งร้านกาแฟสวยเก๋ให้นั่งชิล ๆ อีกด้วย
ข้าวของที่นำมาจัดจำหน่ายแต่ละร้านก็จะไม่ซ้ำกัน บ้างมีเสื้อสกรีนลายเก๋ ๆ บ้างก็มีกรอบรูปน่ารัก กระเป๋าสตางค์ กระเป๋านามบัตรหนังแท้ สามารถตอกชื่อลงด้านบนได้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเรา กระเป๋าสะพาย รองเท้า นาฬิกาแฮนด์เมค โอ้ย! เรียกได้ว่าสารพัดงานศิลป์จริง ๆ เลย เมื่อมาเดินเล่นที่นี่ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน และถ้าหากเดินเล่นกันจนเมื่อยแล้ว
และถ้าใครที่เดินกันจนเมื่อยแล้ว ก็สามารถนั่งพักที่ลานเวทีกลางแจ้งจัดแสดงดนตรีสด การร่ายรำ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งถ้าหากคนที่มาเที่ยวมีความสามารถในการร้องเพลง ก็ขึ้นไปแจมกันบนเวทีได้เลย ใครใคร่เต้นก็เต้น ใครใคร่ร้องก็ร้อง มีดีอะไรก็สามารถนำมาโชว์กันได้ เปิดบริการทุกวัน ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ช่วงเย็นเป็นต้นไป
การเดินทาง
โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้ 2 เส้นทาง
• สายธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านเพชรบุรี เข้าหัวหิน ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
• สายพุทธมณฑล ผ่านนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประมาณ 3 ชั่วโมง
โดยรถโดยสาร
เริ่มต้นที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ รถปรับอากาศมี 2 ประเภท คือ ชั้น 1 และ ชั้น 2 รถปรับอากาศชั้น 1 จะจอดเฉพาะอำเภอที่สำคัญเท่านั้น ส่วนรถปรับอากาศชั้น 2 จะแวะจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางด้วย
สอบถามตารางเดินรถ บขส. โทรศัพท์ 1490 เรียก บขส.
ที่มา: http://travel.kapook.com/